ปีศาจนักดูดเลือด
รู้แล้ว อ๋อ!!! แน่นอน
ผู้เข้าชมรวม
584
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บนโลกของเรานี้มีนักล่าอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่หากจะยกตำแหน่งของสุดยอดนักล่าที่มีความน่ากลัวและเป็นอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุด ก็เห็นจะหนีไม่พ้นเจ้านักล่าร่างเล็ก ที่โบยบินและใช้ชีวิตอยู่รอบๆ ตัวมนุษย์รวมทั้งได้คร่าชีวิตมนุษย์เราไปมากกว่านักล่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งก็คือ “ยุง
(Mosquito)” นั่นเองยุงนั้นได้ชื่อว่าเป็นเพชฌฆาตจอมโหด เพราะทุก ๆ ปี ผู้คนราว 500 ล้านคนทั่วโลก ต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่มียุงเป็นพาหะ และกว่า 3 ล้านคนต้องสูญเสียชีวิตด้วยโรคร้าย
เหล่านั้น ซึ่งในทุกวันนี้มนุษย์เราได้ทราบแล้วว่า ยุงนั้นเป็นพาหะนำเชื้อโรคกว่า 100 โรค โดย
ที่หลายชนิดนั้นมีความร้ายแรงมากและเชื้อเหล่านั้นสามารถแพร่ได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว
นับเนื่องจากศตวรรษที่ 17 เมื่อครั้งที่ชายหาดของทวีปอเมริกาถูกรุกราน โดยยุงที่นำพาไข้เหลือง
จากกาฬทวีปข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Atlantic) มาพร้อมกับเรือขนทาส ยุงเหล่านั้นได้แพร่
่กระจายไข้เหลืองไปทั่วทวีปส่งผลให้มีผู้คนต้องล้มตายด้วยไข้ชนิดนี้กันอย่างมากมาย
ฑูตแห่งความตายอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดีก็คือ มาเลเรีย (Malaria) ซึ่งแม้ในปัจจุบัน มนุษย์เรา
ก็ยังไม่สามารถเอาชนะโรคร้ายนี้ได้ รวมถึงไข้ส่า (Dengue Fever) หรืออาการไข้ที่มีการปวด
ข้อต่อและกล้ามเนื้อ ก็กำลังหวนกลับมาสร้างความหวาดกลัวให้กับมวลมนุษย์อีกครั้ง พร้อมทั้งทวี
ีความรุนแรงขึ้นจนสามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในปีหนึ่ง มีการรายงานถึง
กรณีของไข้ส่าที่รุนแรงนี้กว่า 10 ล้านคน
ปีศาจร้ายนักดูดเลือดชนิดนี้ยังคงไม่หมดไป และประเทศที่ยากจนที่สุดในเขตร้อนก็ต้องทนทุกข์
ทรมานจากการเผชิญหน้ากับเจ้าปีศาจร้ายชนิดนี้มากที่สุด
การทำความรู้จักกับศัตรูของเรา พร้อมทั้งการศึกษาวัฏจักรชีวิตของยุง การเรียนรู้พฤติกรรมและ
ชีวิตประจำวันของพวกมันจะช่วยให้มนุษย์เรานั้นสามารถหากลยุทธที่ดีกว่าเดิมในการต่อสู้กับเจ้า
นักดูดเลือดเหล่านี้ได้
บางที สถานที่ที่มีความเหมาะสมที่สุดในโลกในการศึกษาแมลงตัวเล็กๆ ที่แสนร้ายกาจชนิดนี้ก็คง
จะเป็นที่บึง “เอเวอร์เกลด (Everglade)” แห่งรัฐฟลอริดา (
ยุงในการเป็นแหล่งขยายพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับบรรดายุง
นักกีฏวิทยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยุง ฟิล ลูนิบอส (Phil Lounibos) พร้อมผู้ร่วมทีมสำรวจ มุ่งหน้า
ไปที่ทุ่งหญ้าแพร์รี่ (Prairie) ริมชายฝั่งในเมืองฟลามิงโก (Flamingo) สถานที่ที่อาจจะกล่าวได้
้ว่า มีประชากรยุงมากที่สุดในโลก ในเวลาหนึ่งนาที ยุงอาจจะเข้ามาตอมได้มากถึง 500 ตัว ภายใน
ระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ไม่กี่นาที ผู้มาเยือนก็ได้ให้อาหารยุงไปแล้วห้าพันถึงหกพันตัว
ยุงมิได้เป็นเพียงพาหะของโรคร้าย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยุงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่เป็นพาหะ
นำโรค หากแต่อานุภาพในด้านการกัดที่รุนแรง และการทำตัวเป็นที่น่ารำคาญก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
เหล่าแมลงนักล่าโลหิตชนิดนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีความสามารถในการปรับตัวได้อย่างน่าทึ่ง ยุง
อยู่ได้ในเกือบทุกสภาพแวดล้อมทั่วทุกมุมโลก ยกเว้นก็แต่เพียง ทวีปแอนตาร์กติกา (Antarctica)
โดยอาศัยปัจจัยที่สำคัญต่อความอยู่รอด อย่างเช่น ความร้อน อาหาร และที่สำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด
ก็คือ น้ำนิ่งขังที่จำเป็นต่อการขยายพันธุ์จากความพยายามในการค้นคว้า มนุษย์เราได้เห็นถึงการ
สืบพันธุ์ การปรับตัว และวิวัฒนาการของยุงที่ส่งผลให้มียุงมากถึง 3,500 สายพันธุ์ และในแต่ละปี
ก็มีการค้นพบเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 20 สายพันธุ์ ซึ่งบ้างก็มีลายขาวดำ บ้างก็มีสีทอง ด้วยขนาดของลำตัว
ที่มีตั้งแต่เล็กกว่า
มีลักษณะที่สำคัญเหมือนๆ กับแมลงวัน ซึ่งก็ได้แก่ ปีก 1 คู่ และขา 6 ขา ที่ช่วยให้ยุงเป็นนักล่าจอม
พรางตัว สามารถเคลื่อนตัวได้ว่องไวทั้งกลางอากาศ ไปจนถึงบนท่อนแขน อีกทั้งยังนิ่มนวลเสียจน
เราไม่ทันสังเกต และก็พร้อมที่จะบินหนีไปได้ทุกทางด้วยปีกที่ปกคลุมด้วยเกล็ดเรียงกัน ที่สามารถ
กระพือได้เร็วถึง 600 ครั้งต่อวินาที มากกว่านกฮัมมิ่งเบิร์ด (Humming Bird) ถึง 10 เท่า
นี่คือต้นเหตุของเสียงหึ่งๆ ที่เรามักจะได้ยินเมื่อยุงบินผ่านเราไป
ยุงทุกตัวต้องการเพียงน้ำหวานจากพืชเพื่อการยังชีพ แต่จะมีก็เพียงยุงเพศเมียเท่านั้นที่มีความ
กระหายเลือดด้วยเหตุผลในการสืบพันธุ์ เพราะเลือดคือแหล่ง (Protein) ที่สำคัญสำหรับการ
พัฒนาของไข่ ดังนั้นก่อนการกินเลือดเป็นมื้อแรก เพศเมียจะทำการผสมพันธุ์เสียก่อน จากนั้นจึง
มองหาเหยื่อ ด้วยระบบตรวจจับอันเยี่ยมยอดที่ได้วิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย
ดวงตาขนาดใหญ่ที่มีเลนส์ขนาดจิ๋วนับร้อย งวง ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ระยะสั้น คล้ายๆ กับจมูก
และเสาอากาศที่เป็นเซ็นเซอร์ระยะไกล สามารถตรวจจับความร้อน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(Carbon Dioxide) รวมทั้งกรดแลคติค (Lactic Acid) ที่มนุษย์และสัตว์อื่นๆ ส่งออกมา
ภายนอกลำตัวหลังจากที่ยุงตัวเมียลงเกาะบนร่างเหยื่ออย่างแผ่วเบาแล้ว ปีศาจนักดูดเลือดชนิดนี้
ี้ก็จะเริ่มมองหาอาหาร พร้อมกันนั้นเครื่องมือผ่าตัดที่ซับซ้อน อันประกอบด้วยเลื่อย รวมทั้งอุปกรณ์
ดูดเลือดต่างๆ ที่ถูกเก็บอยู่ที่ งวง หรือแนวปากบน โดยกินความยาว 1 ใน 3 ของร่างกายก็จะเริ่ม
การดำเนินการทันที งวง จะมีปลอกที่คอยปกป้องอยู่ ภายในมีเลื่อยขนาดจิ๋ว 4 อัน โดยที่สองอันจะ
เป็นเลื่อยฟันหยัก และมีความคมเท่ากับมีดผ่าตัดเลยทีเดียว ยุงจะเจาะเข้าไปในผิวหนังของเหยื่อ
เพียงเสี้ยวเซนติเมตร เพื่อค้นหาเส้นเลือด ในระหว่างการค้นหา ปีกส่วนล่างจะพับกลับ และเมื่อเจาะ
ผ่านผนังเส้นเลือดแล้ว น้ำลายของยุงจะไหลไปตามท่อแคบลงไปสู่บริเวณนั้น ปั๊มสองอันที่หลังหัว
จะหดและขยายตัว เพื่อดูดเลือดผ่านงวงขึ้นมาและผ่านเข้าไปในกระเพาะอาหาร ซึ่งโดยมากยุง
จะได้รับผลตอบแทนจากกระบวนการดังกล่าวเพียงหนึ่งในพันกรัม แต่เพศเมียจะพยายามดื่มให้
้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่าการดื่มกิน พวกมันจะขับน้ำที่ไม่ต้องการออกมา ด้วยการปล่อยหยด
น้ำเล็กๆ เพื่อสร้างพื้นที่ให้โปรตีนเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้ว่าร่างกายมนุษย์จะมีกลไกป้องกันการเสียเลือดจากอาการบาดเจ็บ แต่เคล็ดลับของเหล่ายุงก็คือ
น้ำลาย ที่ส่งผลให้เส้นเลือดไม่ปิด รวมถึงการที่เลือดไม่แข็งตัว ซึ่งทำให้ไหลเข้าสู่ยุงได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ผลร้ายจากน้ำลายดังกล่าวก็ยังทำให้มนุษย์เกิดอาการแพ้ เกิดเป็นตุ่มคัน และสิ่งที่น่ากลัว
ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ การที่เชื้อโรคได้ถูกส่งผ่านน้ำลายเหล่านั้นเข้ามาในร่างกายมนุษย์ด้วย ไม่
่ว่าจะเป็น มาเลเรีย (Malaria) ไข้สมองอักเสบ ไข้เหลือง (Yellow Fever) ไข้เลือดออก
(Hemorrhagic Fever) หรือไข้ส่า (Dengue Fever)
ผ่านระยะเวลามานานกว่า 50 ล้านปี เจ้าเพชฌฆาตจอมกระหายเลือดนี้ก็ยังคงอยู่รอดมาได้จนถึง
ปัจจุบัน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยปริศนาอันเร้นลับอีกมากมาย
ผลงานอื่นๆ ของ w.k. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ w.k.
ความคิดเห็น